ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง เชื่อแก้ไข ม.112 ไม่ง่ายต้องผ่านการลงมติของ ส.ส. และ ส.ว. ยันพรรคก้าวไกลเป็นศัตรูทางการเมือง แต่ประชาธิปไตยต้องมีสปิริต “แพ้คือแพ้ ชนะคือชนะ” ย้ำการแข่งขันจบแล้ว จากนั้น 4 ปี ค่อยมาเลือกตั้งใหม่
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 นายอลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว PPTV ระบุว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความรุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น และค่อนข้างกังวลใจ จึงอยากให้ทุกฝ่ายมีสติ
เห็นแก่ประเทศชาติและความสงบสุข พร้อมเดินหน้าไปตามหลักของประชาธิปไตย
“เราต้องเปลี่ยนผ่านรัฐบาลโดยราบรื่นและรวดเร็ว และให้เคารพผลการเลือกตั้ง มันไม่ทีอะไรที่จะยุ่งยากซับซ้อน นอกจากเรายอมรับผลการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย” นายอลงกรณ์ กล่าว
ส่วนจากกณีที่มติที่ประชุม 25 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้งดออกเสียงโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายอลงกรณ์ ระบุว่า ตนให้ความเคารพในมติของพรรค แต่ถ้าจะมี ส.ส.ของประชาธิปัตย์ ส่วนมติพรรคไปร่วมโหวตหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบได้ เนื่องจะเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. และประชาธิปัตย์ ก็เหมื่อนกับพรรคการเมืองอื่น ๆ ที่ต้องยึดถือตามมติพรรค
“ทนายอานนท์” ขอ ส.ว.โหวต “พิธา” นั่งนายกฯ ชูร่วมเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน
โหวตนายก : “อมรัตน์” เชื่อโหวต “พิธา” ครั้งเดียวผ่าน ถึงเวลาหลุดพ้นจากปลักที่จมมานับ 10 ปี
รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุอีกว่า ตoได้เสนอความคิดเห็นส่วนตัวกับพรรค ว่าการลงมติโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีความสำคัญมาก และตนได้ทำหน้าที่สมาชิกของพรรคคนหนึ่ง เสนอทางเลือกที่ดีสำหรับพรรคในการลงมติโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดยืนทางทางการเมืองสำคัญ
ทั้งนี้ยังคงมีความกังวลในเรื่องของการแก้ไขกฎหมาย ม.112 ของพรรคก้าวไกล ที่สวนทางของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่ก็ต้องมาดูอีกทีว่าการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งดูได้จากการที่พรรคก้าวไกลไม่ได้นำเรื่องนี้บรรจุใน MOU ของ 8 พรรคร่วมรัฐบาลใหม่ และการแก้ไขกฎหมาย ม.112 ก็ต้องเสนอเข้ากระบวนการของสภาผู้แทนราษฎ และผ่านการกลั่นกรองของวุฒิสภา ส่วนตัวจึงเชื่อว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านได้ง่าย
“ก้าวไกลเสนอด้วยการใช้คำว่า การแก้ไขกฎหาย มันเป็นการยอมรับกระบวนการนิติรัฐของประเทศ เป็นกระบวนการที่ต้องเสนอกฎหมายเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และผ่านการกลั่นกรองของ ฒิสภา ผมไม่เชื่อว่าร่างกฎหมายนี่จะผ่าน”
สำหรับการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กรณีถือหุ้นสื่อบริษัทไอทีวี (ITV) นายอลงกรณ์ ยอมรับว่า มีผลต่อการตัดใจของพรรคประชาธิปัตย์ต่อการโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนอกเหนือจากความกังวลเรื่องแก้ไข ม.112 ก็ยังมีเรื่องของการเลือกตั้งในครั้งนี้ แม้พรรคก้าวไกลจะเป็นแข่งคู่ต่อสู้ทางการเมืองกัน แต่ก็ต้องยอมรับหลักประชาธิปไตย แพ้คือแพ้ ชนะคือชนะ
“ไม่อย่างนั้นเราจะมีการเลือกตั้งไปทำไม ผมไม่ได้เชียร์คุณพิธา ผมไม่ได้เชียพรรคก้าวไกล มิหนำซ้ำยังเป็นคู่แข้งคู่ต่อสู้ทางการเมืองกันด้วย แต่ประชาธิปไตยต้องมีสปิริต แพ้คือแพ้ ชนะคือชนะ แล้วก็เมื่อใดก็ตามที่เห็นถึงความไม่ถูกต้อง เห็นถึงความเข้าใจผิด ก็ต้องต่อสู้ให้ ไม่ใช่ต่อสู้ให้คุณพิธา หรือพรรคก้าวไกล ต่อสู้ให้ความยุติธรรม”
“ตอนนี้ก็เหมืนกัน ผมคิดว่าการเสนอในเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรี ที่มาจากเสียงของประชาชนที่สามารถรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ มันเป็นหลักพื้นฐานของประชาธิปไตยที่สำคัญที่สุดครับ”
“อยากเห็นการเคารพผลการเลือกตั้ง เพราะถ้าไม่มีการเลือกจตั้ง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าประชาชนต้องการอะไร ระบบประชาธิปไตยคืออำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยนะครับ เมื่อเรามีการเลือกตั้ง ผลออกมาอย่างไร เราก็ต้องให้ความเคารพ เรื่องการแข่งขัน เรื่องการพิจารณา เรื่องนโยบาย สารพัดอย่างมันจบลงแล้ว แล้ว 4 ปี ก็มาเลือกตั้งกันใหม่”
คำพูดจาก ปั่นสล็อตแตกทุกเกม