ชมวีดีโอคลิปไฮไลท์การแข่งขัน คลิ๊กที่นี่!
สนาม ปิร์เอลลี่, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 6,191 คน
รายการ เอฟเอ คัพ
เวลา 23.00 น. วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2549
ผู้ตัดสิน โฮเวิร์ด เวบบ์
ปิศาจแดง ต้องไปเล่นนัดแข่งใหม่หลังจากเบอร์ตัน ต่อสู้อย่างกล้าหาญ
เบอร์ตัน อัลเบี้ยน ทีมในคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งมีอันดับต่ำกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ 104 อันดับ ได้โอกาสทำเงินจากการลงเล่นเอฟเอ คัพ รอบที่ 3 นัดแข่งใหม่ ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันพุธหน้า หลังจากยันเสมอแบบไร้สกอร์กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามปิร์เอลลี่ สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์
และคงจะไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าพวกเขาสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับโอกาสเดินทางเยือนเมืองแมนเชสเตอร์ หลังจากผลงานการลงเล่นอย่างมุ่งมั่นและกล้าหาญในการต่อกรกับทีมเยือนที่มีชื่อเสียง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูเหมือนจะไม่ได้แสดงให้เห็นถึงสถานะของทีมตัวเองมากนัก และเป็นเพียงแค่ในครึ่งหลังเท่านั้นหลังจากเวย์น รูนี่ย์ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถูกเปลี่ยนตัวลงมาที่ปิศาจแดง เริ่มจะสร้างปัญหาให้กับแผงกองหลังของเบอร์ตัน
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เลือกที่จะใช้นักเตะตัวจริงแบบที่ใช้ในทีมสำรองในการพบกับทีมในคอนเฟอเรนซ์ ของไนเจล คลัฟ โดยริทชี่ โจนส์ และคีแรน ริชาร์ดสัน ได้ลงเล่นในแผงกองกลางร่วมกับโอเล่ กุนน่าร์ โซลชาร์ ซึ่งสวมปลอกแขนกัปตันทีมในนัดนี้และเป็นการลงเล่นเป็นตัวจริงนัดที่ 200 ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากการลงเล่นเป็นตัวจริงนัดที่ 199 ยาวนานกว่า 18 เดือน!
ก่อนเริ่มต้นเกมมีเหตุการณ์เกิดขึ้น โดยมีการประกาศออกมาว่าจอห์น โอเชีย ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแทนที่ของปาร์ค จีซุง ในตอนแรกโอเชีย เป็น 1 ในตัวสำรอง 5 คนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีรายงานแน่ชัดว่าเพราะเหตุใดปาร์ค ถึงถูกถอดออกจากทีม แต่เห็นได้ชัดว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นเพียงไม่นานก่อนเริ่มเกม ทำให้เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ กองหน้าทีมสำรองได้มีชื่อบนม้านั่งสำรองของปิศาจแดง
ไนเจล คลัฟ ผู้เล่นและผู้จัดการทีมเบอร์ตัน ซึ่งเป็นลูกชายของไบรอัน คลัฟ จัดทีมเดียวกับชุดที่เคยเอาชนะทีมเยาวชนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ 2-1 ในนัดเปิดสนามปิร์เอลลี่ สเตเดี้ยม อย่างเป็นทางการเมื่อ 2 เดือนก่อน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพบกับความท้าทายกับทีมนอกลีกในเอฟเอ คัพ รอบที่ 3 เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากเคยพบกับเอ็กเซเตอร์ ซิตี้ ซึ่งอยู่ในคอนเฟอเรนซ์ เช่นกัน เมื่อ 12 เดือนที่แล้ว
ก่อนเกมในนัดนั้นที่พบกับเอ็กเซเตอร์ มันผ่านมาแล้ว 52 ปีนับตั้งแต่ครั้งหลังสุดที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับทีมนอกลีก โดยเป็นการพบกับวอลแธมสโทว อเวนิว ซึ่งอยู่ในอิสธเมียน ลีก ในเอฟเอ คัพ รอบที่ 4 ของฤดูกาล 1952/53 เป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกินที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องไปเล่นนัดแข่งใหม่กับทั้งวอลแธมสโทว และเอ็กเซเตอร์ หลังจากเสมอกันที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่นในเอฟเอ คัพ เป็นรอบแรกของฤดูกาลนี้ เบอร์ตัน ลงเล่นเป็นรอบที่ 3 และเป็นเกมนัดที่ 5 ของพวกเขาในฤดูกาลนี้ พวกเขาเอาชนะลีค ทาวน์ 2-0 ในรอบคัดเลือกรอบที่ 4 แล้วมาชนะปีเตอร์โบโร่ 1-0 ในนัดแข่งใหม่ของรอบที่ 1 หลังจากเสมอกันมาก่อน และชนะเบอร์สคัฟ 4-1 ในรอบที่แล้ว เพื่อเข้ามาพบกับเกมในฝันพบกับปิศาจแดง
ไม่น่าแปลกใจที่แฟนบอลกว่า 6,000 คนเข้ามาเต็มความจุของสนามซึ่งตั๋วเข้าชมขายหมดเกลี้ยงเมื่อเกมเริ่มต้นขึ้นบนพื้นสนามที่ดูเรียบแต่มีทรายเต็มไปหมด
แน่นอนว่ากองเชียร์เจ้าบ้านต้องอยู่ในอาการติ่นตาตื่นใจเมื่อเริ่มเกม และไม่นานพวกเขาก็ได้ส่งเสียงเชียร์ดังขึ้นเมื่อทีมโปรดของพวกเขาดูเหมือนจะไม่ตื่นกลัวกับงานที่ได้รับมอบหมายเลย โดยเดินเกมบุกขึ้นหน้ากดดันแผงกองหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ต้นเกม
เบอร์ตัน มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมตั้งแต่ต้นและพวกเขาเกือบจะได้ประตูขึ้นนำไปอย่างง่ายดายในนาทีที่ 14 เมื่อดาร์เรน ทินสัน กองหลังขึ้นโหม่งเต็มแรงจากลูกเตะมุมของคีธ กิลรอย แต่ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังยืนถูกตำแหน่งบนเส้นประตูพอดีจึงเตะสกัดออกมาได้ทันในขณะที่แฟนบอลเจ้าถิ่นเตรียมจะเฮกันแล้ว
หลังจากนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้โอกาสใกล้เคียงบ้างจากหลุยส์ ซาฮา ที่ได้ยิงจากลูกเปิดจากปีกซ้ายของคีแรน ริชาร์ดสัน ดูเหมือนบอลกำลังพุ่งเข้าหาตาข่ายจนกระทั่งไปชนกับกองหลังเจ้าถิ่น
เบอร์ตัน ยังคงเดินหน้าต่อสู้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างไม่เป็นรองตลอดครึ่งแรก และโชคไม่ดีอีกครั้งก่อนหมดเวลาครึ่งแรกไม่กี่นาที เมื่อลูกโหม่งของดาร์เรน สไตรด์ กัปตันทีมเกือบจะพุ่งเข้าเสียบมุมประตู โดยโอกาสมาจากลูกเตะมุมอีกครั้งซึ่งตั้งเตะโดยแอนดี้ ดูครอส ที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องใจหายวาบ และก็เป็นบาร์ดสลี่ย์ คนเดิมที่เข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน
เข้าสู่ช่วงพักครึ่งเวลายังไม่มีทีมใดเจาะตาข่ายคู่แข่งได้สำเร็จ แต่เป็นเบอร์ตัน ที่น่าจะพอใจกับผลงานมากกว่าใน 45 นาทีแรกของการแข่งขัน
เกมในครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นโดยยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิม ปิศาจแดง ยังต้องตั้งรับเกมบุกกดดันของเบอร์ตัน เจ้าถิ่นที่ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเรียกใช้รูนี่ย์ และโรนัลโด้ ตัวสำรองในช่วงต้นครึ่งหลัง โดยเปลี่ยนตัวลงมาแทนจูเซ็ปเป้ รอสซี่ และโซลชาร์ ตามลำดับ และการเปลี่ยนตัวลงมาของทั้งคู่ก็เกือบจะได้ผลในทันที
โรนัลโด้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับโอกาส 2 ครั้งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เริ่มจะกลับเข้าสู่เกมได้ ซาฮา น่าจะทำได้ 2 ประตูอย่างง่ายดาย และรูนี่ย์ ก็ยิงออกข้างไปไม่กี่นิ้วจากลูกเปิดทางฝั่งซ้ายของมิเกล ซิลแวสตร์
ดูเหมือนว่าในช่วงเวลาหนึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะกลับมาเปิดเกมรุกได้แล้วในที่สุด แต่ทีมของคลัฟ ก็โต้ตอบได้เป็นอย่างดีด้วยการทำงานกันหนักขึ้นในแผงกองหลัง และพวกเขาก็ขึ้นมาบุกได้บ้างเป็นบางครั้งในแดนของปิศาจแดง
ก่อนหมดเวลา 7 นาที ความหวังของเบอร์ตัน ในการพลิกเอาชนะทีมยักษ์ใหญ่ก็เกือบจะเป็นผลสำเร็จ เมื่อลูกยิงของกิลรอย จากระยะ 20 หลาเกือบจะทำให้ทิม โฮเวิร์ด พลาดท่า ผู้รักษาประตูของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูเหมือนจะสะดุดล้มในจังหวะที่กำลังพุ่งไปหาบอล แต่เขาก็ยังพุ่งไปป้องกันเอาไว้ได้ทัน
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบจะทำประตูชัยได้ เมื่อริทชี่ โจนส์ ได้ยิงลูกพุ่งเรียดจากลูกโหม่งชงมาให้ของซาฮา มันดูเหมือนจะทำให้ความหวังในการทำเงินจากการไปเล่นนัดแข่งใหม่ที่สมควรได้รับของเบอร์ตัน หมดสิ้นลง แต่ซอล ดีนี่ย์ ผู้รักษาประตูของเบอร์ตัน โชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันเอาไว้ได้ก่อนหมดเวลาการแข่งขันไป
จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้เพียงเสมอแบบไร้สกอร์กับเบอร์ตัน ทีมนอกลีก ในเอฟเอ คัพ รอบที่ 3 ต้องไปเล่นนัดแข่งใหม่กันอีกครั้งในวันพุธที่ 18 มกราคม 2006 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เบอร์ตัน อัลเบี้ยน
ซอล ดีนี่ย์ 31
ไรอัน ออสติน 6
เจค เซดจ์มอร์ 16
ดาร์เรน ตินสัน 5
เคธ กิลรอย 11
คริส ฮอลล์ 12
ดาร์เรน สไตรด์ 7
แอนดรูว์ คอร์เบตต์ 4
แอนดรูว์ ดูครอส 10
ฌอน ฮาร์ราด 14
จอน ชอว์ 9
สำรอง
มาร์ติน เทย์เลอร์ 13
เทอร์รี่ เฮนชอว์ 2
แอนดี้ ทอดด์ 19 น. 90 คริส ฮอลล์ 12
เดล แอนเดอร์สัน 8 น. 80 ฌอน ฮาร์ราด 14
ไนเจล คลัฟ 20
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ทิม โฮเวิร์ด 1
ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ 26
เวส บราวน์ 6
จอห์น โอเชีย 22
เชราร์ด ปิเก้ 28
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
ริทชี่ โจนส์ 49
คีแรน ริชาร์ดสัน 23
จูเซ็ปเป้ รอสซี่ 42
หลุยส์ ซาฮา 9
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ 20
สำรอง
ลุค สตีล 30
อดัม เอ็คเคอร์สลี่ย์ 44
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 น. 59 โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ 20
เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ 51
เวย์น รูนี่ย์ 8 น. 58 จูเซ็ปเป้ รอสซี่ 42
Por