ปีนี้ PlayStation Studios อาจจะไม่ได้มีเกมเรือธงระดับ AAA ออกมามากนัก แต่ค่ายแห่งศรัทธาของพวกเราก็ไม่ได้ปล่อยให้ปีนี้ผ่านไปแบบโล่ง เพราะเสิร์ฟความสนุกกับเจ้ามาสคอต Astro ที่ได้ผจญภัยในเกมหลักเกมเดี่ยวรูปแบบคอนโซลใหม่อีกครั้งแล้ว และเป็นสีสันที่มีรสชาติดีทีเดียว เห็นแบบนี้แน่นอนว่า ThisIsGame Thailand ก็ไม่พลาดที่จะนำความประทับใจมาแบ่งปันให้เพื่อนๆ เพื่อติดตามกันก่อนวันวางจำหน่ายจริง ทั้งนี้จะเป็นอย่างไรมาติดตามกันในรีวิวนี้ดีกว่า!~
Astro Bot มีการนำเสนอเข้าใจง่ายและเป็นมิตร
เรื่องราวของ Astro Bot นั้นเอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ได้ถือว่าเป็นภาคต่อของ Astro’s Playroom หรือเกมภาค VR อย่าง Rescue Mission เพราะมันก็เป็นการเล่าเรื่องใหม่ที่จบในตัวแต่เข้าใจง่ายคือกำลังขี่ยานเล่นๆ ตะลุยอวกาศอยู่ดันเจอมนุษย์ต่างดาวเล่นงานจนยานตกกระจาย เพื่อนๆ ก็ปลิวไปยังที่ต่างๆ และถ้าเกิดเคยเล่นตัว Playroom มาก่อนแล้วยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่เพราะไอ้ยานนั่นน่ะก็ฉากจากเกมภาคเก่าเลย (ไปจนถึงการบังคับตัวละครด้วย) แถมเราจะคุ้นชินกับเจ้า Astro กันอยู่แล้ว โดยเกมเพลย์จะมี Hub Map เป็นฉากใหญ่ๆ ให้เราขี่ยานไปเข้าตามโซน โซนหนึ่งมีฉากย่อยที่ขนาดค่อนข้างยาวเหมือนกันครับ
โลกภายในเกมที่ออกแบบก็น่าตื่นตามากทีเดียวครับ ผมรู้สึกว่าสเกลของฉากในเกมภาคนี้มันยิ่งใหญ่กว่าเพราะแต่ละฉากเหมือนแยกไปเป็นดาวดวงนึงในกาแล็กซี (โซน) นั้นเลย เทียบกับของเก่าแล้วเหมือนเราวิ่งไปมาอยู่ภายในเครื่อง PlayStation 5 และทุกฉากก็มีความแตกต่างกันทั้งไบโอม และสีสัน เห็นแล้วไม่น่าเบื่อเพราะยิ่งเล่นไปลึกๆ ยิ่งพีคขึ้นอีก กับดักหลายอย่างไม่คิดว่าจะเจอก็เจอ ทั้งนี้ถ้าเอาจริงๆ ผมรู้สึกชอบ Hub World มากกว่าฉากแผนที่แบบในเกมนี้ เพราะอันเก่าทำมาให้เราสำรวจได้เยอะมากๆ และมันเชื่อมต่อถึงกัน แต่อีกมุมที่ World มันเวิร์คในเกมเก่าอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมในฉากนั้นมันก็คือภายในเครื่องเกมอย่างที่กล่าวข้างต้น
แต่ทั้งหมดทั้งปวงสิ่งที่ทำให้การผจญภัยเกมนี้สมบูรณ์แบบก็คือการดีไซน์ที่สนุก แม้เส้นทางจะเป็นเส้นตรง แต่สิ่งต่างๆ ที่รายล้อมเรามันจะทำให้เราวิ่งวนไปมาหาไอเทม หรือแม้แต่วิ่งเพื่อชมฉากสวยๆ ก็เพลินแล้ว และยังไม่รวมอีสเตอร์เอ้กที่โยงไปถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของ PlayStation อีกนะครับ
เกมเพลย์ลื่นไหล ใช้ฟังก์ชันเต็มที่
รูปแบบการเล่นก็เหมือนกับการวิ่งจากจุด A ไปยังจุด B ที่เป็นเส้นชัยเลยครับ แต่ระหว่างทางนี่สิก็จะต้องเจออะไรหลายอย่าง โดยการควบคุมของเราก็มีการวิ่ง กระโดด หมุ่นตัว ปีนป่าย จับ – ดึง แบบเดิม 1:1 เลย จุดต่างๆ หรืออาจจะมีกิมมิคเฉพาะด่านที่เราจะต้องใช้เช่นปืนกล การขี่ยาน หรือเจ้า Barkster หมาโรบอตที่โคตรน่ารักแต่โก๊งโกง ซึ่งจะว่าโกงหรือเปล่านั้นอาจเป็นความรู้สึกตัวเองเพราะเกมมันค่อนข้างไว วิ่งก็ไว และพอตีศัตรูปุ๊บ มันก็ม่องเท่งเลย (ฮา) แต่ขณะเดียวกันอย่าลืมว่าฝ่ายเราเองก็ One-hit Kill เล่นบ่อยๆ มีหัวร้อน
เกมนี้หากสังเกตให้ดีเหมือนได้ต่อยอดจาก Playroom มาเยอะมาก และสิ่งที่ดีๆ ของเดิมก็ยังคงอยู่ครบครับ เริ่มจากระบบการโหลดหน้าจอเลย เพราะแม้จะ One-hit Kill ให้เราอยากกรี๊ดจนปาจอย แต่นับหนึ่งสองสามพอใจเย็นปุ๊บ อ้าวเกมกลับมาจุดเช็คพอยต์ให้แล้ว จุดนี้ขอชื่นชมระบบการประมวลผลของ SSD เลย หากจะบอกว่าออกแบบมาเพื่อ PlayStation 5 ก็ไม่น่าแปลกเพราะมันรับส่งกันได้ดีจริงๆ นอกจากนี้เรื่องระบบ Haptic และ Adaptive Trigger ก็ทำได้ดีไม่มีติดขัด ความรู้สึกการวิ่งบนพื้นผิวที่ต่างกัน แรงเสียดทางเวลาบังคับสิ่งของต่างๆ ยังมีครบ
และถึงแม้หลายอย่างจะคงเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็ทำให้เกมมีมิติมากขึ้น นอกจากคัตซีนข้างต้นก็คือฉากเปิดในแต่ละด่านที่ Astro จะต้องบินเข้าฉากโดยเราสามารถขยับจอยไปมาให้หลบอุปสรรคหรือเก็บเหรียญด้วยเทคโนโลยี Gyro และหลายๆ ฉากก็จะเริ่มมีการนำเสนอศัตรูที่ล้ำมากขึ้น แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือบอสที่วิธีการต่อสู้นั้นสร้างสรรค์มากๆ ครับ แต่ละตัวมีเทคนิคการเผชิญหน้าที่ไม่เหมือนกันเลย
ปลดล็อกความลับเพียบ แถมโหดไม่เลี้ยง สู้จนกว่าจะชนะ
ในทุกๆ ฉากจะมีเหรียญพิเศษขนาดใหญ่ให้เราได้เก็บสะสมกัน เช่นเดียวกับเพื่อนๆ โรบอตจิ๋วของเจ้า Astro ที่รวมทั้งหมดถึง 300 ตัว ตลอดการเดินทางใน 80 ฉาก บางตัวเองก็ยังไปแอบตามจุดที่ไม่ควรอยู่ และแน่นอนว่ายังมีฉากลับที่ต้องหาวิธีปลดล็อกด้วยเงื่อนไขพิเศษ แล้วฉากลับเหล่านี้ก็ยากเหลือเกินครับ เน้นการกะจังหวะกระโดดที่เป๊ะๆ โดยบางฉากเป็นสไลเดอร์ที่ถ้าเกิดพลาดก็ร่วงลงพื้น… แบบไม่มีเช็คพอยต์! ทั้งนี้โชคดีที่ฉากเหล่านี้จะไม่ค่อยมีของสะสมให้เก็บ หรือถ้ามีเก็บก็จะ Auto-save ให้ แต่อย่างไรก็ต้องเริ่มเล่นแต่ต้นฉากเหมือนเดิมนะ
นอกจากนั้นแล้ว แม้เกมจะไม่มี Hub World เชื่อมต่อไปพื้นที่ต่างๆ แต่จะมีดาวดวงหนึ่งในกาแล็กซีที่เป็นจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ (ยานโดนศัตรูตบร่วง) ที่ทำหน้าที่คล้าย Hub แต่ก็ไม่ใช่ คือทุกครั้งที่เราช่วยเหลือเพื่อนๆ ของ Astro มาได้ พวกมันจะมาอยู่ในนี้กัน และมีความลับซ่อนในฉาก ยิ่งเราช่วยเพื่อนๆ ได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งเปิดทางให้จากพื้นที่รกร้างในทะเลทรายยิ่งมีความหลากหลายมากขึ้นเท่านั้น
กราฟิกและภาษาไทย
งานภาพของเกมนี้ไม่เน้นความสมจริงอยู่แล้ว แต่จะให้เราตื่นตาตื่นใจกับความอลังการของฉากมากกว่า นอกจากนั้นยังให้ภาพแบบคมชัดกริ๊บพร้อมวิ่ง 60FPS ลื่นๆ ไม่เจออาการกระตุกให้เซ็งเลยครับ และที่อยากจะชมคือเอฟเฟกต์พวกใบไม้ที่เราวิ่งผ่านไปเหยียบโดนก็จะพริ้วตามด้วยเหมือนกัน ตรงนี้ผมไม่มีความรู้ด้านเทคนิคเท่าไรแต่ก็คิดครับว่าน่าจะเกี่ยวกับการประมวลผลที่ดีของเครื่องอยู่แล้วเลยยังคงเก็บเฟรมเรตได้ที่ระดับเหมาะสม และที่แน่ๆ ภาพสวยกว่าเดิมมากด้วยการที่เกมนี้พาเราไปพบกับสภาพแวดล้อมแบบใหม่ๆ นอกจากฉากดำๆ มืดๆ ในเครื่องแบบ Playroom นั่นเอง อีกทั้งการโต้ตอบของ Astro กับฉากรอบข้างมันน่ารักมากกก… ขณะเดียวกันภาษาไทยคุณภาพการแปลก็ใช้ได้เลยครับ อาจมีตัวอักษรตกหล่น (แบบเผยอออกมาอีกบรรทัด) ประปรายแต่ไม่บ่อย
บทสรุป
Astro Bot เป็นเกมแอ็กชันแพลตฟอร์เมอร์ที่เล่นกันได้ทั้งครอบครัวและเต็มไปด้วยคอนเทนต์ความลับที่จะชวนให้ผู้เล่นได้อิ่มหนำสำราญไปกับภารกิจวัดใจสุดหัวร้อน แม้การนำเสนอยังไม่ถึงขั้นที่ว่าสมบูรณ์แบบ แต่หัวใจหลักและความสนุกที่นำ Playroom มาอัปเกรดก็เรียกได้ว่าคุ้ม แต่คนที่จะคุ้มมากที่สุดขอแง้มๆ ว่าต้องเป็นแฟนของ PlayStation เพราะ Easter Egg ดีๆ เพียบ หลายคนต้องมีอมยิ้มกันบ้างแน่นอนครับ ที่สำคัญที่สุดอย่าลืมว่าเกมยังไม่จบแค่นี้เพราะ DLC ด่านใหม่ เช่นเดียวกับเกมเพลย์สปีดรันจะปล่อยให้โหลดกันฟรีในอนาคตด้วย
ท้ายที่สุดนี้พวกเราขอขอบคุณ Sony Interactive Entertainment อีกครั้งสำหรับโอกาสในการเข้าเล่นเกมก่อนใครเพื่อนำมารีวิวความประทับใจให้แฟนเกมและผู้อ่านของ ThisIsGame Thailand กัน ใครที่สนใจขอบอกเลยว่าไม่ต้องรอนานเพราะวันที่ 6 กันยายนนี้ก็จะได้มาสนุกกันแล้ว พบกันบน PlayStation 5 เท่านั้น ส่วนโอกาสหน้าจะมีข่าวสารและเรื่องราวน่าสนใจในวงการเกมอย่างไรมาแบ่งปันอย่าลืมติดตามที่นี่เช่นเคยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
Astro Bot Team Asobi